มือถือเรือธงตัวต่อไปของ Motorola จะใช้ชื่อว่า Moto Edge X

มือถือเรือธงตัวต่อไปของ Motorola จะใช้ชื่อว่า Moto Edge X

มาในส่วนของข่าวลือของมือถือตัวที่ 2 ที่จะใช้งาน Snapdragon 898 ของ Motorola นั้น ก็ได้มีการเปิดเผยมาแล้วว่ามันใช้ชื่อ Moto Edge X ในวันนี้ (8 พ.ย. 2564) ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมของข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่า Motorola มีแผนจะทำการผลิตสมาร์ทโฟนชูโรง/เรือธงของบริษัทภายในสิ้นปี 2021 โดยมันจะใช้งานชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในช่วงสิ้นเดือนนี้อย่าง Snapdragon 898

โดยอ้างอิงจากการเปิดเผยของผู้จัดการทั่วไปด้านธุจกิจมือถือของ Lenovo ประเทศจีน 

ได้กล่าวว่าอุปกรร์ชิ้นนี้จะใช้งานชื่อว่า Moto Edge X ซึ่งมันจะอยู่ภายใต้กรอบที่ว่า “ทรงพลังอย่างไร้ขีดจำกัด” และผู้คนนั้นมีสิทธิ์ที่จะ “ความคาดหวังอย่างเต็มที่” Edge X นั้นจะถือว่าเป็นรุ่นสืบทอดตามธรรมชาติของ Edge S, สมาร์ทโฟนเรือธงในเวลานี้ของ Motorola มันถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ในการเรียกสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน Snapdragon 870 ว่าเป็นเรือธง แต่เนื่องจากพวกเรานั้นไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนตัวหลักของบริษัทนับตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 2022 เมื่อตอนที่ Edge+ ได้ทำการเปิดตัวพร้อมทั้งใช้งาน Snapdragon 865 ในท้ายที่สุดนั้นเราไม่ทราบเลย Edge X นั้นจะมีอะไรบ้างนอกไปจากชิปประมวลผลที่คาดว่าจะใช้งาน เราจึงคาดหวังว่าจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมอีกทีในอนาคต

กลับมาอีกครั้งกับข่าวลือของ Samsung Galaxy S22 Series โดยสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้จะทำการใช้งานเพียงชิปประมวลผล Snapdragon 898 เท่านั้น มาอีกครั้งกับข่าวลือของสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นต่อไปของ Samsung อย่าง Galaxy S22 Series โดยข่าวในที่นี่ก็คือสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะใช้งานชิปประมวลผล Snapdragon 898 เท่านั้น โดยชิปที่ว่านี้เป็นตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Qualcomm ที่คาดว่าจะเปิดในช่วงสิ้นเดือนนี้

โดยข่าวที่ว่านี้มาจากอดีตพนักงานของซัมซุงที่ได้กล่าวว่าบริษัทนั้นได้ตัดสินใจยับยั้งในการใช้งาน Exynos 2200 SoC ใน Galaxy S22 Series ทำให้หมายความว่ามันจะต้องไปใช้งานชิป Snapdragon 898  และแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสำหรับมือถือที่ทำการวางขายในพื้นที่ยุโรปและเอเชียที่มักจะใช้งานชิป Exynos เป็นหลัก

ทั้งนี้แล้วข่าวนี้ยังไม่มีการยืนยัน หรือข้อมูลอื่น ๆ ประกอบที่ช่วยชี้ชัดได้ว่ามีมูลมากน้อยแค่ไหน แต่มันก็ถือว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากมีข่าวลืออีกกระแสหนึ่งว่า Exynos 2200 นั้นไม่ทรงประสิทธิภาพพอ ทำให้ Samsung ตัดสินไม่ใช้งานมันมากเท่าไหร่ ซึ่งปัญหานี้ดูเหมือนจะใหญ่มากพอที่ส่งผลให้ Samsung หยุดการใช้งาน หรือพิจารณาในการใช้งานอย่างหนักเป้นกาลชั่วคราว นอกจากนี้แล้วเขายังได้กล่าวว่า S22 นี้จะทำการเปิดตัวภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เหมือนปีก่อน และจะทำการเปิดให้จองภายในวันเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าตรงกับข่าวที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

ท้ายที่สุดนี้ก็ต้องรอข่าวต่าง ๆ มาสมทบอีกหนึ่ง เนื่องจาก Exynos 2200 SoC ถือว่าชิปที่ Samsung ลงทุนลงแรงไปอย่างมาก และยังเป็นชิปแบบ SoC ตัวแรกของบริษัทที่มาพร้อม AMD’s RDNA GPU รวมถึงเทคโนโลยี Ray Tracing ทำให้ถือว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจในการเลื่อนการใช้งานออกไปก่อน แต่ทั้งนี้แล้วอะไรก็เป็นไปได้ในสถานการณ์ขาดแคลนชิป และวัตถุดิบการผลิตในเวลานี้

Google Pixel 6 Pro ไม่สามารถชาร์จไฟไว 30W ได้จริง ๆ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการทดสอบสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Google – Pixel 6 Pro โดยพบว่ามันไม่สามารถชาร์จไฟไว้ในปริมาณ 30W ได้จริง หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวไปได้ไม่นานสำหรับสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Google อย่าง Pixel 6 Pro ก็ได้มีการทดสอบถึงคุณสมบัติที่ว่ามันสามารถทำการชาร์จไฟได้ถึง 50% ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งก็ให้ผลที่ใกล้เคียง (48% ภายในครึ่งชั่วโมง) แต่ก็พบว่ามันกลับใช้งานเวลาถึงเกือบ 2 ชั่วโมงในการชาร์จไฟให้เต็มแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh และใช้งานระบบชาร์จไฟไว 30W ได้ไม่เต็มที่

Android Authority ได้ทำการทดสอบและเก็บข้อมูลของการชาร์จไฟฟ้าภายในตัวอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยทำการบันทึกค่าไฟฟ้าที่ทำการชาร์จไฟในแต่ละช่วงปริมาณทั้งในช่วงที่มากที่สุดไปจนถึงช่วงที่เปลี่ยนมาจ่ายไฟน้อยที่สุด ที่ซึ่งก็เปิดเผยถึงการทำงานของระบบชาร์จไฟไว 30W ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

ถึงแม้ว่า Google เองจะไม่ได้ออกมาพูดตรง ๆ ว่ามันจะรองรับการชาร์จไฟไว 30W แต่ทางบริษัทได้กล่าวไว้แบบอ้อม ๆ ผ่านการกล่าวว่าสามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง “ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟที่สามารถชาร์จไฟได้ 30W” พร้อมทั้งยังได้กล่าวไว้ว่า “ผลลัพธ์จริงนั้นอาจจะช้ากว่าที่ได้โฆษณาไว้”

ผลการทดสอบของ Android Authority ก็ได้ยืนยันว่าความสามารถในการดึงไฟฟ้าจากที่ขาร์จสำหรับ Pixel 6 ทั้ง 2 รุ่นนั้นอยู่เพียงแค่ 22W เท่านั้น และโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13W ในช่วงวงจรการชาร์จ โดยผลการทดสอบนั้นก็มาจากการใช้งานทั้งที่ชาร์จของ Google เองและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียง

จากกราฟข้อมูลนั้น ได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อทำการชาร์จไฟนั้น ในช่วงปริมาณ 1-30% มันจะทำการดังพลังงานได้สูงสุดเพียงแค่ 22W เท่านั้น และก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำการลดลงแบบคงที่ในช่วง 63-100% ทำให้มันก็ถือว่าจริงอยู่ที่ว่าจะใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในการชาร์จให้ได้ถึง 50% แต่มันกลับต้องใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงในการชาร์จให้เต็ม 100% โดยตัวรุ่น Pro นั้นจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงในชาร์จไฟเติมปริมาณ 15% ที่เหลือให้เต็ม ถึงแม้ว่าแนวทางในการสงวนความเร็วในการชาร์จไฟนั้นจะดูเป็นอะไรที่พอเข้าใจได้ แต่ก็โอเคถ้ามันสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy S21 Ultra ที่มีปริมาณแบตเตอรี่เท่ากัน และมีขีดความสามารถด้อยกว่าที่ 25W แต่มันสามารถทำการชาร์จไฟได้ 54% ภายในครึ่งชั่วโมง และใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 11 นาที ในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป